เรียกขานเพื่อร่วมปฏิบัติการลดโลกร้อน: วันนี้และวันข้างหน้า เทคโนโลยีพลังงานดีเซลยุคใหม่ที่ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ghg)

การนำเทคโนโลยีพลังงานดีเซลใหม่ล่าสุดมาใช้จะทำให้สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซและเพิ่มประโยชน์การลดโลกร้อนได้อย่างมีนัยสำคัญ


ซานฟรานซิสโก, Sept. 18, 2018 (GLOBE NEWSWIRE) --  ตามการสรุปจากการประชุมสุดยอดเรื่องปฏิบัติการลดโลกร้อนทั่วโลก (Global Climate Action Summit) ในซานฟรานซิสโก ซึ่งจะเน้นเรื่องความมุ่งมั่นและปฏิบัติการของชุมชน เมือง รัฐ และประเทศต่าง ๆ ที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาด้านสภาพอากาศ ในการประชุมแสดงความคิดเห็นด้านเทคโนโลยีพลังานดีเซล (Diesel Technology Forum) ที่กระตุ้นให้ผู้นำโลกต่าง ๆ นำเทคโนโลยีลดสารเรือนกระจกทั้งหมดมาใช้ และพิจารณากำหนดนโยบายที่เพิ่มการนำเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุดมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นในเครื่องยนต์หรือเครื่องมืออุปกรณ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเร่งการลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซและเพิ่มประโยชน์ด้านสภาพอากาศด้วยการลดปริมาณคาร์บอน

Allen Schaeffer ผู้อำนวยการสูงสุดของการประชุมแสดงความคิดเห็นดังกล่าวได้กล่าวว่า “ความต้องการที่หลากหลายทั้งด้านเศรษฐกิจและพลังงานของทั่วโลกมีความสำคัญ ขณะที่การประชุมสุดยอดมุ่งเน้นไปที่ตัวเลือกต่าง ๆ เช่น ‘ทำให้ทุกอย่างใช้พลังงานไฟฟ้า’ หรือเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือก แนวทางต่าง ๆ เหล่านั้นหลายแนวทางเป็นเพียงแรงบันดาลใจหรือเรียกได้ว่าไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงในทางปฏิบัติในหลายเมืองและหลายประเทศ”

“เราทุกภาคส่วนควรใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและโอกาสที่มีในทุกรูปแบบ และ ณ เวลานี้ เราต้องไม่พลาดที่จะนำเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงสภาพอากาศของเราให้ดีขึ้นในปัจจุบันในระดับสากล สร้างความก้าวหน้าในความมุ่งมั่นที่จะลดโลกร้อน ซึ่งจำเป็นต้องมีการผสมผสานเทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วและมีอยู่ในปัจจุบัน นำมาใช้ไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ในบรรดาเทคโนโลยีเหล่านี้ หนึ่งในนั้นต้องเป็นพลังงานดีเซลยุคใหม่

“ในเศรษฐกิจโลก ทุก ๆ หนึ่งภาคอุตสาหกรรมในจำนวนสองภาคจะมีการใช้พลังงานดีเซล ไม่ว่าจะเป็นบนถนน ที่ไซต์งาน พื้นที่เกษตรกรรม เหมืองแร่ และภาคส่วนอื่น ๆ อีกมากมาย การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ใช่เป้าหมายเดียวที่เรามุ่งหวัง แต่ยังมีความเป็นจริงในการใช้ชีวิตประจำวันอื่น ๆ ทั่วโลกด้วยที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้งานเครื่องยนต์ ยานยนต์ และเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้พลังงานดีเซล และนับวันจะก้าวล้ำมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

“แม้ผู้ผลิตเองยังมีการค้นหาทางเลือกและเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้แทนเชื้อเพลิง หลายภาคส่วนต้องพึ่งพาเครื่องยนต์ดีเซลและเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว ขณะที่อาจมีการสาธิตการใช้เทคโนโลยีหรือการเปิดตัวในระดับเล็กน้อยสำหรับเทคโนโลยีทางเลือก แต่ในหลายภาคอุตสาหกรรมไม่มีทางเลือกเชื้อเพลิงหรือเทคโนโลยีอื่นที่สามารถนำมาใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ในระดับมหัพภาค รวมถึงไม่สามารถนำเสนอศูนย์รวมของประโยชน์อันโดดเด่นอย่างที่ดีเซลมีได้ในอนาคตที่เราแลเห็นล่วงหน้าได้นี้

 “โชคดีที่เทคโนโลยีที่นำมาใช้อย่างเช่น ดีเซล ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ ขอบคุณการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในประสิทธิภาพและการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลยุดใหม่ล่าสุดนี้ เมื่อนำมาใช้งานร่วมกับเชื้อเพลิงดีเซลซัลเฟอร์ต่ำพิเศษแล้ว จะทำให้ได้ตัวเลือกพลังงานที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน และปลดปล่อยก๊าซเกือบเป็นศูนย์ ตัวเลือกเชื้อเพลิงพลังงานดีเซลทดแทนและไบโอดีเซล จะเข้ามาแทนที่แนวทางการใช้พลังงานดีเซลที่ได้จากฟอสซิลแบบเดิมที่เทคโนโลยีดีเซลสามารถตัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและการปลดปล่อยก๊าซอื่น ๆ ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก

จากนั้น Schaeffer  ได้สรุปว่า “เราสนับสนุนให้ผู้นำโลกพิจารณากำหนดนโยบายที่กระตุ้นการนำเทคโนโลยีพลังงานดีเซลใหม่ล่าสุดที่สะอาดมาใช้บนท้องถนน ในพื้นที่เกษตรกรรม และตามพื้นที่ไซต์งานต่าง ๆ เพื่อเร่งความก้าวหน้าในปัจจุบัน”

การเข้าแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนนั้นเป็นความท้าทายที่ใหญ่หลวงและจำเป็นต้องมีหลายแนวทางในการแก้ไขปัญหา พลังงานดีเซลเป็นหนึ่งในนั้นที่นำเสนอ:

  • การกำจัดก๊าซ CO2 (คาร์บอนไดออกไซด์) กว่า 59 ล้านตัน ผ่านการใช้งานรถบรรทุกเชื้อเพลิงดีเซลที่สะอาดยุคใหม่ล่าสุดนี้บนท้องถนนในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554
  • ลดก๊าซ CO2 ลงได้ 10 ตันได้ภายใน 1 ปีโดยรถบรรทุกพลังงานดีเซลคลาส 8 ใหม่เพียงอย่างเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยียุคก่อนหน้านี้ และในระหว่างปี พ.ศ. 2559 ถึง 2560 ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่ามีการซื้อรถบรรทุกที่ใช้พลังงานดีเซลยุคใหม่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 6
  • คาดว่าจะมีการลดก๊าซ CO2 ลงได้ประมาณ 1 พันล้านตัน ในสหรัฐอเมริกาอันเนื่องมาจากการใช้รถบรรทุกเชิงพาณิชย์ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2564 – 2570 (ค.ศ. 2021 – 2027) เมื่อมีการกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับรถบรรทุกที่ซื้อเพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์ และคาดว่าเครื่องยนต์ดีเซลจะเป็นพลังงานหลักสำหรับยานพาหนะเหล่านี้
  • มีผู้ขับขี่ในสหรัฐอเมริกาจำนวนมากขึ้นเลือกที่จะใช้ยานพาหนะที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น รถกระบะและ SUV หากรถกระบะขนาดใหญ่เหล่านี้ทุกคันที่มีจำหน่ายในท้องตลาดใช้เครื่องยนต์ดีเซล เราจะสามารถลดปริมาณก๊าซ CO2 ลงได้ในปริมาณเท่ากันกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ร้อยละ 15 ของรถยนต์ทั้งหมดบนท้องถนนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
  • เมืองซานฟรานซิสโกกำจัดก๊าซ CO2 ลงไปได้ 63,000 ตันในเวลา 1 ปี โดยการใช้รถประจำทางเครื่องยนต์ดีเซล 606 ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลพลังงานทดแทน
  • ตามข้อมูลของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีการปลดปล่อยเขม่าดำสู่ชั้นบรรยากาศลดลง 17 ล้านตันในระหว่างปี พ.ศ. 2543 – 2573 จากการนำรถบรรทุกและเครื่องมืออุปกรณ์ที่นำเครื่องยนต์ดีเซลพลังงานสะอาดมาใช้เป็นครั้งแรก
  • ในปี พ.ศ. 2573 การปลดปล่อยเขม่าดำอันเนื่องมากจากเครื่องยนต์ดีเซลเกือบจะถูกกำจัดไปทั้งหมดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ขอบคุณการนำเทคโนโลยีดีเซลยุคใหม่ล่าสุดนี้มาใช้ที่ ไม่ใช่เนื่องมาจากการเปลี่ยนเชื้อเพลิงหรือการใช้พลังงานอื่น ๆ ทดแทนดีเซล
  • การใช้เชื้อเพลิงดีเซลพลังงานทดแทนที่ไม่ใช่ไฟฟ้าหรือแก๊สธรรมชาตินี้ ในแคลิฟอร์เนียถือเป็นช่องทางหลัก ซึ่งรัฐสามารถผ่านข้อบังคับในการใช้เชื้อเพลิงที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ รวมถึงความก้าวหน้าสู่แผนปฏิบัติการลดโลกร้อนของรัฐด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมที่เทคโนโลยีพลังงานดีเซลสามารถช่วยในเป้าหมายของสากลได้อย่างไร โปรดเยี่ยมชมที่ https://www.dieselforum.org/dieselpowersthefuture.

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ:

เกี่ยวกับการประชุมแสดงความคิดเห็นด้านเทคโนโลยีพลังงานดีเซล
การประชุมแสดงความคิดเห็นด้านเทคโนโลยีพลังงานดีเซลเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อการสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของเครื่องยนต์ เชื้อเพลิง และเทคโนโลยีพลังงานดีเซล สมาชิกการประชุมแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเป็นผู้นำในเทคโนโลยีพลังงานดีเซลที่สะอาดและเป็นตัวแทนขององค์ประกอบสำคัญ 3 ประการของระบบพลังงานดีเซลสะอาดยุคใหม่ นั่นคือ เครื่องยนต์เทคโนโลยีขั้นสูง ยานยนต์และเครื่องมืออุปกรณ์ เชื้อเพลิงดีเซลที่สะอาดกว่าและระบบควบคุมการปลดปล่อยก๊าซ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมที่ http://www.dieselforum.org

ติดต่อ:
Sarah Dirndorfer
sdirndorfer@dieselforum.org
301.668.7230 (o) 301.706.8276 (c)

สามารถเข้าดูภาพที่มากับประกาศนี้ได้ที่ http://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/dde0c06f-4dd3-4ea9-86ce-3ca50f3eb8da