HENGELO, เนเธอร์แลนด์, Sept. 04, 2018 (GLOBE NEWSWIRE) -- บริษัทจัดการพลังงาน Lithium Werks B.V. (www.lithiumwerks.com) ได้ประกาศว่าจะสร้างศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D) พลังงานทดแทนสาขาหลักที่ท่าอากาศยาน Twente Airport “เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์สู่พลังงานทดแทนจริงๆ พลังงานจะต้องสามารถใช้ได้ในสถานที่และเวลาที่เหมาะสม” Kees Koolen ผู้ริเริ่มโครงการ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารของ Lithium Werks กล่าว “ห้าปีต่อจากนี้ เราจะสรรหาคนประมาณ 2,000 คนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่สาขาดังกล่าว”
Lithium Werks ซึ่งผลิตแบตเตอรี่ราว 200 ล้านก้อนให้กับลูกค้ากว่า 1,000 รายใน 50 ประเทศ ขณะนี้ได้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต หรือ LFP ในการพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นต่อไป Lithium Werks จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Twente ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการวิจัยในสาขาวัสดุใหม่ ปัญญาประดิษฐ์ และวงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับควบคุม East Netherlands Development Agency Oost NL ได้ลงทุนกับ Lithium Werks เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของบริษัทเกี่ยวกับสาขาของศูนย์วิจัยและพัฒนา ร่วมกับเทศบาลเมือง Enschede และเมือง Overijssel
“แหล่งพลังงานทดแทน เช่น อากาศและแสงอาทิตย์ มักจะผลิตพลังงานปริมาณมหาศาลได้ในครั้งเดียว แต่ความต้องการใช้งานยังอยู่ในระดับต่ำ ความไม่สอดคล้องกันระหว่างอุปสงค์และอุปทานแสดงว่าปั๊มน้ำมันหรือโรงไฟฟ้าถ่านหินยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ ด้วยสถานที่จัดเก็บพลังงานอัจฉริยะและการแก้ไขปัญหาการขนส่ง ทำให้พลังงานสามารถใช้ได้ในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม การดำเนินการนี้ต้องใช้ความจุแบตเตอรี่ที่เพียงพอ ซึ่งเราต้องผลิตแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาก และต้องใช้ซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ด้วย” Koolen กล่าว
ศูนย์การวิจัยและพัฒนาที่ Technology Base
Lithium Werks จะสร้างศูนย์การวิจัยและพัฒนาบนพื้นที่ขนาด 42 เอเคอร์เพื่อพัฒนาระบบนิเวศของแบตเตอรี่รถยนต์ที่ Technology Base. เงินมูลค่ากว่า 100 ล้านยูโรถูกใช้ไปกับการลงทุนพัฒนาศูนย์การวิจัยและพัฒนาโดยฝ่ายต่างๆ Oost NL เป็นบริษัทแรกที่ลงทุนในโครงการนี้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำจากหน่วยงานที่มีอำนาจในท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันออกของประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างยั่งยืน การสร้างศูนย์การวิจัยและพัฒนาจะแบ่งเป็นหลายส่วน อาคารแรกที่ Technology Base มีกำหนดการว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2019 และในเบื้องต้นจะจ้างงานคนจำนวน 300 คนโดยประมาณ เพื่อวิจัยเทคโนโลยีใหม่ทางด้านพลังงานทดแทน Lithium Werks วางแผนจะสรรหาคนประมาณ 2,000 คน ภายในห้าปีเพื่อให้การวิจัยและพัฒนาที่ศูนย์สำเร็จลุล่วง
แบตเตอรี่รถยนต์
ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ความต้องการแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น Lithium Werks ได้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเสนอระบบ Mobility as a Service (MaaS) ที่ขจัดความต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติจะส่งผลต่อแบตเตอรี่รถยนต์ที่ให้พลังงานแบบ ยานพาหนะสู่ระบบกริด หรือ ยานพาหนะสู่ระบบไฟบ้าน ด้วย
ความรู้เฉพาะทาง
Lithium Werks ซึ่งผลิตแบตเตอรี่ราว 200 ล้านก้อนให้กับลูกค้ากว่า 1,000 รายใน 50 ประเทศ ได้รวมกิจการกับ Super B Lithium Power B.V. ใน Hengelo และก่อนหน้านี้ได้ซื้อกิจการ Valence Technology Inc และสาขาอุตสาหกรรมของ A123 Systems LLC บริษัทยังได้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตหรือที่รู้จักกันในชื่อแบตเตอรี่ LFP เพื่อให้สามารถพัฒนาเทคนิคการจัดเก็บรุ่นต่อไปได้ Lithium Werks ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Twente ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มหาวิทยาลัยดังกล่าวมีอาคารวิจัยวัสดุชั้นสูง อย่าง MESA+ NanoLab และมีความคุ้นเคยกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับควบคุมและปัญญาประดิษฐ์ด้วย “การรวมความรู้เหล่านี้เข้าด้วยกัน ทำให้เราเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงานและปฏิบัติงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกันได้” Victor van der Chijs ผู้บริหารมหาวิทยาลัย Twente กล่าว
Kees Koolen
Kees Koolen ประธานกรรมการของ Lithium Werks เกิดวันที่ 19 สิงหาคม 1965 ที่เมือง Bergeijk, North Brabant ประเทศเนเธอร์แลนด์ Koolen เคยเป็น CEO ของ Booking.com บริการออนไลน์เพื่อการสำรองการเดินทางตั้งแต่ปี 2008 จนถึง 2011 ต่อมาได้เป็นประธานกรรมการอาวุโสจนถึงปี 2014 หลังจากนั้น เขาได้เข้าทำงานที่ Uber บริษัทให้บริการขับขี่แบบร่วมกันที่เพิ่งมีพนักงานเพียง 10 คน เพื่อตั้งสาขานานาชาติภายนอกสหรัฐอเมริกา และก่อตั้งสำนักงานใหญ่นานาชาติใน Amsterdam
เกี่ยวกับ Lithium Werks
Lithium Werks เป็นบริษัทแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีโรงงานผลิตในประเทศเนเธอร์แลนด์และจีน และสำนักงานในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ บริเตนใหญ่ และนอร์เวย์ Lithium Werks ให้บริการเซลล์ไฟฟ้า มอดูล และระบบจัดการพลังงานสู่ตลาดต่างๆ เช่น โรงงงานอุตสาหกรรม การขนส่ง การเดินเรือ และพลังงานทดแทน